เรซูเม่ เด็กจบใหม่เขียนอย่างไรให้ได้งาน

เรซูเม่

Share This Post

Share on facebook
Share on linkedin
Share on twitter
Share on email
Previous
Next

เรซูเม่คืออะไร?

เรซูเม่ (Resume) คือการเขียนสรุปประวัติส่วนบุคคล โดยกล่าวถึงประวัติการศึกษา และประวัติการทำงาน ซึ่งแสดงถึงใจความสำคัญของความสำเร็จ และความสามารถพิเศษต่างๆ ยาวเพียง 1-2 หน้าเท่านั้น เรซูเม่ นิยมแนบเป็นเอกสารในการสมัครงาน เรซูเม่ที่น่าสนใจช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้น

การเขียนเรซูเม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่

การเขียนเรซูเม่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นหางานครั้งแรก มีวิธีการเขียนได้หลายวิธีมาก และก็ไม่มีหลักการตายตัวว่าเขียนแบบไหนจะดีที่สุด ขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดแบบไหนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเรียงลำดับแบบปัจจุบันไปหาอดีต หรือว่า เรียงตามทามไลน์ชีวิตของเราก็ได้ หรือแม้กระทั่งการเขียนเพื่อเน้นไปในทางที่เรามีข้อดีด้านใดด้านหนึ่งก็เป็นอีกตัวอย่างที่ทำได้

ที่แนะนำคือการเขียนแบบทามไลน์ชีวิตของเรา โดยที่เราจะเลือกว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร และไล่ลงไปถึงว่าในที่ผ่านมาเราทำอะไรมาบ้างตามโครงสร้างเลยคือการเขียนไล่แบบนี้ง่าย ๆ เป็นตัวอย่างรูปแบบเรซูเม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ HR บริษัทต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีที่สุดแล้ว เพราะอ่านง่าย

เรซูเม่

1. ใช้รูปที่สุภาพเรียบร้อย

ติดรูปของตัวเองลงไปในเรซูเม่ด้วย ในด้านบน ไม่ว่าจะเป็นซ้ายหรือขวา ก็ได้หมด ขอเพียงรูปต้องเป็นรูปที่สุภาพเรียบร้อย ถ้าเป็นรูปติดบัตรได้จะดีที่สุด และขอให้หลีกเลี่ยงรูปเซลฟี่ในห้องตัวเอง เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพอย่างยิ่ง เมื่อรูปไม่สุภาพ คนก็ไม่สุภาพเป็นเงาตามตัว

2. ใส่ข้อมูลส่วนบุคคลให้ครบ

โดยข้อมูลส่วนนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้อ่านนั้นรู้ fact ของเราแต่ไม่ต้องเขียนละเอียดมาก ใส่สิ่งที่จำเป็นที่คนอื่นเค้าใส่กันก็พอครับ แต่อย่ามองข้ามเรื่องชื่อตัวเอง เบอร์ติดต่อ อีเมล์ติดต่อ เพศ อายุ

3. จุดประสงค์ในการทำงาน (Career Objective)

จุดประสงค์ในการทำงานนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญกับนักศึกษาจบใหม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าตัวเราจะไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนเลย อาจจะมีเพียงฝึกงานซึ่งส่วนมากก็ฝึกกันที่เดียว ในระยะเวลาสั้นๆแค่ 1-2 เดือน ดังนั้นการใส่จุดมุ่งหมายในการทำงานเอาไว้ในส่วนบนสุดของเรซูเม่ จะเป็นการบอกผู้ว่าจ้างว่า ตัวเราต้องการอะไรในชีวิตการทำงาน ซึ่งถ้าจุดมุ่งหมายนี้ตรงกันกับที่บริษัทกำลังหาอยู่ล่ะก็ คุณจะถูกสนใจมากทีเดียว

4. ประสบการณ์ฝึกงาน

ให้ใส่รายละเอียดในการฝึกงานของตัวเองลงไปอย่างละเอียด ชื่อตำแหน่ง ชื่อบริษัท ช่วงเวลาที่ฝึกงาน รวมถึงอธิบายว่าเราได้ทำอะไรในตอนฝึกงานไป เอาสักอย่างน้อย 2-3 บรรทัดได้กำลังสวย แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร

5. รายละเอียดการศึกษา

ข้อมูลส่วนนี้สำคัญมาก เนื่องจากคนที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานนั้น ก็มีแต่การศึกษานี่แหละที่จะเป็นตัวบอกได้ว่าเราน่าจะถนัดอะไร ให้ใส่เอก คณะ ชื่อมหาวิทยาลัย และวิชาที่เกี่ยวข้องกับตำแนห่งงานที่สมัครลงไปครับ ส่วน GPA ถ้าไม่ได้ต่ำต้อยจนน่าเกลียดล่ะก็ ใส่มันลงไปจะได้ผลดีกว่าปล่อยว่างไว้

6. ใบประกาศ หรือคอร์สเรียนต่างๆที่ได้ผ่านมา

ถ้าหากว่าคุณสอบผ่านได้ใบประกาศที่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานนั้นๆ ก็ให้ใส่มันลงไปด้วย เพราะมันจะทำให้คุณได้เปรียบมากกว่าคู่แข่งอย่างมากเลย การเรียนผ่านอะไรมาบ้างที่ไม่ใช่วิชาจากในโรงเรียน (training course) อย่างถ้าเราเคยไปเรียนออนไลน์มา ก็เอามาใส่ได้นะ ส่วนใหญ่เค้าจะมี certificate ให้ด้วยเราก็สามารถใส่ได้

7. ทักษะ ข้อมูลกิจกรรม หรืองานที่เคยทำ

สิ่งที่เป็นตัวแยก (differentiate) เราออกจากคู่แข่งเลย เคยทำกิจกรรมอะไร หรือเคยเป็นตัวแทนแข่งอะไรมาใส่ลงไป แต่เอาเท่าที่มันจะจำเป็นสำหรับงานที่เราจะสมัครด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วเรซูเม่ ควรจะทำเป็นแบบคัดเลือกตามงานที่สมัคร (customize) เพื่อที่จะตรงตามคุณสมบัติของงานนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด ใส่เข้าไป แม้ว่าเราจะไม่ค่อยมีก็ตาม คนส่วนมากใส่แค่ภาษา แต่จริง ๆ มันมีมากกว่านั้นนะ เช่น ทักษะดนตรี การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ และอื่น ๆ

รวมถึงกิจกรรมอย่างอื่นที่มีโอกาสจะกลายมาเป็นอาชีพหลัก หรือแหล่งเงินหลักของเราในอนาคต ก็อย่าใส่มันลงไป บางคนเป็นยูทูบเบอร์ หรือรับงานฟรีแลนซ์ เพราะว่าฝ่ายบุคคลเห็นตรงนี้เข้า เขาจะกลัวว่าสักวันเราจะออกจากงานเพื่อมาเป็นยูทูปเบอร์เต็มตัว แล้วพาลทำให้เขาต้องลำบากไปประกาศหาคนใหม่มาแทนคุณ

ขั้นตอนการเขียนเรซูเม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่

1. ร่างข้อมูลคร่าวๆขึ้นมาก่อน แล้วปล่อยไว้ 1-2 วัน

เขียนร่างเรซูเม่ขึ้นมาก่อน เมื่อเสร็จแล้วให้ปล่อยทิ้งไว้ 1-2 วัน เพราะว่าถ้าเราเร่งรีบเขียนทีเดียวให้จบไปเลย มันมักจะได้ผลงานที่ออกมาไม่ดีนัก สู้ปล่อยทิ้งไว้สักพัก ให้มีเรื่องอื่นๆผ่านสมองไปสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาดูอีกครั้งเพื่อแก้ไข จะทำให้งานเขียนของคุณดีขึ้นอย่างชัดเจน

2. อัพเดทร่างของตัวเองหนึ่งรอบ แล้วส่งให้ฝ่ายสนับสนุนนักศึกษาช่วยดู

เมื่อสมองได้รีเฟรช มีข้อมูลอื่นๆผ่านหัวไปแล้ว 1-2 วัน ค่อยกลับมาแก้เรซูเม่ของตัวเองอีกครั้ง คุณจะเริ่มเห็นว่าเรซูเม่ที่ตัวเองร่างเอาไว้ครั้งแรก มีจุดที่ต้องแก้ไข ปรับปรุงอยู่หลายจุด ก็ทำการแก้ไขด้วยตัวเองก่อนรอบนึง เมื่อเสร็จแล้วก็ลองส่งให้ฝ่ายสนับสนุนนักศึกษาช่วยดูอีกรอบ

3. อัพเดทครั้งสุดท้ายเป็น Final Draft Version

เมื่อได้รับฟีดแบ๊คจากฝ่ายสนับสนุนนักศึกษาแล้วก็ให้อัพเดทเรซูเม่ของตัวเองอีกครั้งตามคำแนะนำนั้นๆ จนตรงนี้เรซูเม่ของคุณจะมีความสมบูรณ์ประมาณ 80% แล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในขั้น Final Draft Version ได้เต็มปากเต็มคำ

4. ขอให้เพื่อนอย่างน้อย 2 คน ช่วยเช็คเรื่องแกรมม่าร์ และคำสะกดผิด

ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษช่วยดูเรซูเม่ของเรา โดยที่เน้นไปที่การหาแกรมม่าร์ที่เขียนผิด และตัวสะกดผิด เมื่อแก้เรียบร้อยหมดแล้วคุณก็จะได้เรซูเม่ที่สมบูรณ์แบบ 100% เป็น Final Version ที่พร้อมใช้งานได้แล้ว

5. ติดรูปลงในเรซูเม่ และพร้อมส่งได้

ติดรูปตัวเองลงในเรซูเม่ ถ้าเลือกที่จะส่งไฟล์ดิจิทัลก็สร้างเป็นไฟล์ PDF ขนาดพอเหมาะพอดีมือ หรือถ้าจะส่งเป็นกระดาษก็ปรินท์ด้วยเลเซอร์ เรซูเม่ของคุณจะได้คมชัดสวยงาม

เทคนิคการเขียนเรซูเม่ที่เรานำมาฝากคงเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่กำลังเขียนสมัครงานให้มีความน่าสนใจ และได้ข้อมูลที่ครบถ้วน หลังจากที่คุณได้งานแล้วสเตปต่อไปคือการสัมภาษณ์ และหากคุณไม่รู้วิธีจะนำเสนอตัวเองอย่างไร YOU MOOC มีคอร์สเรียนออนไลน์ นำเสนออย่างไร ได้ทั้งใจ . งาน . เงิน ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการนำเสนอ เพิ่มความมั่นใจให้กับคุณ

__________________________________________________________________________

ช่องทางติดตามอื่น ๆ  
Facebook: https://www.facebook.com/youmooc
LINE: @youmooc (อย่าลืมใส่ @) [https://lin.ee/thXVOy0]

Previous
Next

More To Explore

คอร์สใหม่ล่าสุด

ทรานฟอร์มธุรกิจมาติดล้อ (The Revolution: Business on Wheels)

ความยาว

1-2 ชม.

Intro_To_DS_Cover_Photo

เริ่มต้นเรียนรู้ Data Science เพื่อก้าวเข้าสู่นักวิจัยข้อมูล

เริ่มต้นเรียนรู้ด้าน Data Science แบบเข้มข้น

ความยาว

7-8 ชม.

Bussiness Tools

ใช้เครื่องมือบริหาร ทำงานได้ร้อยเท่า

เรียนรู้ความสำคัญของระบบ IT ต่อธุรกิจ

ความยาว

1-2 ชม.

เป็นเถ้าแก่ได้ ต้องขายให้เป็น

เรียนรู้เรื่องการขายและบริหารธุรกิจ

ความยาว

1-2 ชม.

Story Telling – The Key Differentiation for Modern Day Leaders

เรียนรู้ทักษะและวิธีการพรีเซนต์งานอย่างไรให้ได้ใจเจ้านายและลูกค้า

ความยาว

1 ชม.

เจาะลึกวิธีการบริหารเงิน (ฉบับคนไม่จบการเงิน)

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องบัญชี การเงิน และภาษี แบบไม่ซับซ้อน

ความยาว

1-2 ชม.

THE KOL

The KOL: ขายให้ปัง ดังและรวย (ครบถ้วนทุกบทเรียน)

เคล็ดลับการก้าวเข้าสู่อาชีพ KOL อย่างมั่นใจและมืออาชีพ

ความยาว

11-12 ชม.

Insight for KOL

เจาะ Insight นักธุรกิจ เลือก KOL อย่างไร?

ประสบการณ์และมุมมองนักธุรกิจ มีวิธีเลือก KOL อย่างไร

ความยาว

1-2 ชม.

Start Business

เริ่มต้นให้ถูกวิธี เพื่อการเงินที่มั่นคง

การบริหารจัดการการเงินอย่างเข้าใจและถูกวิธีสำหรับ KOL

ความยาว

1 ชม.

Ecommerce

กลยุทธ์สร้างยอดขาย สไตล์ e-Commerce

เรียนรู้เทคนิคการสร้างธุรกิจแบบ e-Commerce

ความยาว

1 ชม.

Grow Business

ธุรกิจเติบโตด้วย Marketing, Brand & Sales

เรียนรู้ด้านการตลาดอย่างเข้มข้น

ความยาว

1 ชม.

นำเสนออย่างไร ได้ทั้งใจ . งาน . เงิน

เจาะลึกเรื่องการนำเสนอและเทคนิคการเจรจา

ความยาว

1 ชม.

Posture

TIE-IN สินค้าอย่างไร ให้ปัง!

วิธีการ TIE-IN สินค้าอย่างมืออาชีพ

ความยาว

1 ชม.

Content Tie-ins

มาดดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

เรียนรู้เรื่องบุคลิกภาพให้ดูดี

ความยาว

1 ชม.

Personality

บุคลิกเรียกทรัพย์ สำหรับคนอยากเป็น KOL

เริ่มการพัฒนาบุคลิกภาพอย่างเจาะลึก

ความยาว

1 ชม.

Live Streaming

Live ทั้งที ภาพต้องดี เสียงต้องปัง

วิธีการทำ Livestream อย่างมืออาชีพ

ความยาว

1 ชม.

Create content

คนรุ่นใหม่ รวยได้ด้วย Content

เรียนการสร้างคอนเทนต์ให้ดี ปัง โดน

ความยาว

1 ชม.

TIk TOK for pros

TikTok: เริ่มต้นง่ายๆ กับแพลตฟอร์มออนไลน์สุดฮอต

เรียนรู้การใช้ฟังก์ชั่น TikTok อย่างเจาะลึก

ความยาว

1 ชม.

Business through social media

สร้างธุรกิจจากการสร้างตัวตนบน Social Media

วิธีการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้เป็นที่รู้จัก

ความยาว

1 ชม.

Know how to social media

รู้จักใช้ Social Media ให้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้

ปูพื้นฐานเรื่องแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างเจาะลึก

ความยาว

1 ชม.