9 ความลับของการเล่าเรื่อง เพื่อเรียนรู้การเล่าเรื่อง ในความเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ โดยการเล่าเรื่องนั้นไม่ได้จำกัดแค่การพูด แต่เราสามารถใช้เอกลักษณ์ การแต่งตัว การแต่งหน้าของเรา เล่าเรื่องให้คนอื่นรู้ได้ว่าเราเป็นคนยังไง โดยมี 9 เทคนิคการเล่าเรื่อง อยากมานำเสนอ
1. เกี่ยวข้องกับผู้ฟัง
คนที่เป็นผู้ฟังอยากจะฟังแค่สิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาหรือสิ่งที่เขาสนใจ ดังนั้นในฐานะคนเล่าเรื่อง ถ้าเราอยากจะเล่า ต้องรู้ก่อนว่าใครคือคนฟังของเรา และเขาชอบฟังเรื่องแบบไหน
ยกตัวอย่างเรื่องของมาร์ติน ลูเธอร์คิง ชายผิวสีที่พูดเรียกร้องสิทธิสำหรับคนผิวสี ให้เท่าเทียมกับคนผิวขาว และปลุกให้คนผิวสีคนอื่น ๆ ลุกฮือขึ้นมา ทำให้คนเชื่อกับสิ่งที่มาร์ตินเล่า
โดนัล ทรัมป์ เล่าเรื่องเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นแม็กซิโกกับอเมริกา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือทรัมป์พูดเรื่องนี้ ให้กับคนที่รู้สึกว่าโดนคนแม็กซิกันแย่งงาน
ก่อนคุณจะเล่าเรื่องทุกครั้ง ต้องค้นหาผู้ฟังก่อนว่าคน ๆ นั้นคือใคร

2. เรื่องราวระหว่างทาง
เวลาเล่าเรื่อง คนไม่ค่อยสนใจผลลัพธ์มากนัก แต่สนใจที่มาหรือเรื่องราวระหว่างทางก่อนถึงผลลัพธ์มากกว่า เหมือนเวลาเราจะไปเที่ยวต่างจังหวัด เรื่องราวระหว่างเดินทางเป็นอย่างไร เจอนักท่องเที่ยว เจอลุงใจดี เจอบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม เราจะจำภาพความทรงจำเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี การเล่าเรื่องจะช่วยสร้างและเสริมคุณค่าให้สินค้าหรือบริการของเราได้
3.เป็นเรื่องที่น่าแบ่งปัน
คนที่มาฟัง เราต้องเล่าเรื่องราวที่ดีและมีคุณค่า เพราะเมื่อผู้ฟังได้ฟังเรื่องราวของเราต้องรู้สึกว่าอยากบอกต่อ เรื่องราวที่น่าบอกต่อนอกจากจะน่าสนใจแล้ว ต้องสามารถสะท้อนมาถึงตัวคนเล่าและก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีได้ ถ้าไม่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี คนก็จะไม่เล่าต่อ ฉะนั้นแล้วเลือกเล่าเรื่องที่มีประโยชน์ เรื่องที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ หรือเป็นเรื่องที่ดีให้กับผู้ฟัง

4. สร้างจินตนาการ
คนฟังต้องนึกภาพตามได้ เราต้องใช้การพรรณนาให้ผู้ฟังเห็นภาพที่เกิดขึ้น ศิลปินที่แต่งเพลงเขามีวิธีการอย่างไรที่ทำให้เพลงของเขา เมื่อผู้ฟังฟังแล้วเห็นภาพ ยกตัวอย่างท่อนเพลง
” You’re the coffee that I need in the morning
You’re my sunshine in the rain when it’s pouring
Won’t you give yourself to me
Give it all, oh “
เพลงรักที่ทำให้คุณคิดถึงภาพกาแฟที่เราต้องการในทุกๆ เช้า ภาพแสงสว่างในยามที่ฝนตกลงมา ทำให้ผู้ฟังจินตนาการถึงภาพและรับรู้ได้ถึงความรักในเพลงนี้
5. ความเรียบง่าย
ตัวอย่าง โฆษณาของ WWF ที่มีสาเหตุมาจากการที่ฉลามถูกล่ามาตัดครีบเพื่อนำไปทำหูฉลามและปล่อยลงทะเล แต่ในทางตรงกันข้ามสัตว์ที่เราเอ็นดูมาก ๆ คือ หมีแพนด้า ถึงขนาดที่เราสามารถดู Live หมีแพนด้า 24 ชั่วโมง ได้หลายปี โฆษณาตัวนี้นำเสนอในรูปของปลาฉลามใส่หน้ากากรูปหมีแพนด้า พร้อมข้อความเสริมว่า “Would you care more if I was a panda” หรือ คุณจะแคร์ฉลามมากขึ้นมั้ย ถ้าฉลามหน้าตาเหมือนหมีแพนด้า
6. ช่วยสร้างอารมณ์
เราดู Finding Nemo แล้วรู้สึกถึงพ่อที่ตามหาลูก หรือดูหนังแอคชั่นแล้วรู้สึกลุ้นระทึก มีตัวอย่างโฆษณาอย่างนึงคือ “Miss Called” ของบริษัท KCG ที่ครบรอบ 60 ปี โฆษณานี้เป็นโฆษณาที่เศร้ามาก เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ดี ๆ ก็ตาย แต่เมื่อไปถึงนรกแล้วยมบาลบอกว่าเกิดความผิดพลาดทางข้อมูล จริง ๆ แล้วเขาไม่สมควรตาย แต่จะให้กลับไปเกิดก็ไม่ทันแล้ว ยมบาลจึงขอทดแทนโดยการอนุญาตให้โทรศัพท์หาใครก็ได้บนโลกได้ 1 Phone Call เขาเลยโทรหาแฟน ตอนแรกแฟนไม่เชื่อ แต่หลังจากเล่าเรื่องต่าง ๆ หรือถามถึงสิ่งที่รู้กันสองคนก็เริ่มเชื่อ ความเศร้าอยู่ที่มีหลาย ๆ ประโยคที่เรามักชอบคุยเล่นกันเองและไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง เช่น คิดว่าระหว่างเราสองคนใครจะตายก่อน

7. เกินความคาดหมาย
ตัวอย่าง คือ บิล เกตส์ ที่พูดในงาน TED Talks เกี่ยวกับไข้มาลาเรียที่ระบาดในแอฟริกา โดยมียุงเป็นพาหะนำโรคที่ทำให้คนแอฟริกันตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งสิ่งที่ บิล เกตส์ ทำคือการนำโหลอันหนึ่งมาและเขาบอกว่ามียุงอยู่ในนั้น และเปิดโหลปล่อยยุงออกมา ทุกคนในห้องตกใจว่ายุงจะมากัดมั้ย จะตายหรือเปล่า สุดท้ายแล้ว บิล เกตส์ ก็เฉลยว่าจริง ๆ ในโหลดนี้ไม่มียุงอยู่ การทำแบบนี้ทำให้คนตระหนักมากขึ้นและกระตือรืนร้นกับเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้รู้สึกว่ามันดูใกล้ตัวมากกว่าการบอกว่าไข้มาลาเรียหรือยุงอันตรายเฉย ๆ
8. มีการเปรียบเทียบ
การเล่าเรื่องให้น่าสนใจหรือมีพลังต้องมีการเปรียบเทียบ เช่น canon กับ nikon เอาภาพที่ถ่ายมาเปรียบเทียบกล้อง ว่าถ่ายด้วยเครื่องไหนดูดีกว่ากัน เป็นต้น

9. ทำให้เกิดขึ้นจริง
สุดท้ายแล้วไม่ว่าเรื่องเล่าจะเป็นอย่างไร สินค้าหรือบริการดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่ทำตามที่พูดหรือที่เล่าไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญกว่าคำพูด คือ การทำมันจริง ๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 9 ความลับของการเล่าเรื่อง ที่ YOU MOOC นำมาเสนอ หากต้องการเพิ่มทักษะด้านการเล่าเรื่องที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เราขอแนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ “Story Telling – The Key Differentiation for Modern Day Leaders” เพิ่มทักษะทางด้านการสื่อสารเพื่อให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
สิ่งที่คุณจะได้เรียนในคอร์สนี้:
1. เทคนิคการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
2. วิธีการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
3. ความรู้เกี่ยวกับการพรีเซนต์งาน
4. เทคนิคการพรีเซนต์งานให้ได้งาน
5. วิธีการวางสไลด์งานให้สวยงามและน่าอ่านดึงดูด
6. การเลือกสี ภาพและไอค่อนสำหรับการใช้พรีเซนต์งาน
__________________________________________________________________________
ช่องทางติดตามอื่น ๆ
Facebook: https://www.facebook.com/youmooc
LINE: @youmooc (อย่าลืมใส่ @) [https://lin.ee/thXVOy0]