ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปการขายแค่แพลตฟอร์มแบบออฟไลน์อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดของการขาย ถ้าหากลองปรับตัวเพื่อให้ทันกับกลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ คงหนีไม่พ้นการขยับขยายจากแพลตฟอร์มออฟไลน์เป็นแบบออนไลน์ด้วยการ Live-streaming แล้วเราควรเลือก Live-streaming ขายของด้วยแพลตฟอร์มไหนบ้างดี YOU MOOC มีมาแนะนำทุกคนด้วยกัน 4 แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ผู้คนมักเลือกใช้
แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานสูงถึง 47 ล้านบัญชีในประเทศไทย สำหรับคนทั่วไปแล้วเฟซบุ๊กเป็นเหมือนโซเชียลมีเดียที่ทำให้เราสามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ แต่ในอีกแง่มุมด้านธุรกิจแล้วก็เป็นโอกาสของแบรนด์หรือร้านค้าต่าง ๆ สามารถยกหน้าร้านของตัวเองแบบออฟไลน์มาเป็นแบบออนไลน์ได้ โดยสัดส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กจะมีจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และช่วงอายุผู้ใช้ที่เยอะสุดจะเป็นอายุ 25-34 ปี ซึ่งเฟซบุ๊กจะมีการไลฟ์ขายสินค้าเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากทั้งการไลฟ์ขายของกิน หรือของใช้หลากหลายชนิด เพราะการไลฟ์ในเฟซบุ๊กเป็นเหมือนการสื่อสารแบบ Two-way communication ที่สามารถโต้ตอบกันได้ทันที
และไลฟ์สดนี่เองเป็นตัวช่วยทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นลูกค้าสามารถเห็นสินค้าจริง รวมถึงเกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายโดยไม่ต้องเดินทางออกนอกบ้านไปซื้อเอง และผู้ขายเองก็ไม่ต้องลงทุนในการเช่าพื้นที่สำหรับการออกไปขายตามนัด หรือตามงานต่าง ๆ ถือว่าเป็นผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนี้การไลฟ์ในเฟซบุ๊กยังมีฟีเจอร์โพลล์สดช่วยให้คุณสามารถจัดทำโพลล์ก่อนเริ่มการแพร่ภาพและแชร์โพลล์ดังกล่าวไปยังแฟน ๆ ในระหว่างการไลฟ์ได้อย่างง่ายอีกด้วย
Instargram
แพลตฟอร์มที่ผู้ใช้นิยมลงรูปภาพไลฟ์สไตล์ของตัวเองซึ่งมีผู้ใช้งานถึง 12 ล้านบัญชีสำหรับประเทศไทย โดยผู้จำนวนผู้ใช้จะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และเป็นช่วงอายุ 18-34 ปีที่ใช้งานมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันอินสตาแกรมไม่ใช่เพียงแอพพลิเคชันสำหรับการลงรูปอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะมันสามารถไลฟ์สดบนแอคเคาท์ของตัวเองได้อีกด้วย โดยการถ่ายทอดสดบนอินสตาแกรมทางแบรนด์หรือผู้ขายเองจะนิยมไลฟ์สำหรับสินค้าที่เปิดตัวใหม่ หรือการจัดโปรโมชั่นที่ต้องการความสมจริงของสินค้านั้น ๆ ซึ่งจะแตกต่างจากการดูคลิปสำหรับการโปรโมทในช่องทางอื่นทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
และข้อดีอีกอย่างคือการที่สามารถชวน Influencer หรือบุคคลอื่น ๆ เข้ามาร่วมการไลฟ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่เดียวกันสูงสุดถึง 4 คน เพียงแค่ชวนผู้อื่นขึ้นมาร่วมไลฟ์ด้วย ในส่วนการชวนคนอื่น ๆ มาร่วมนั้น เราจะเห็นทั้งคนที่เข้ามาขอมีส่วนร่วม หรือเราจะค้นหาเพื่อชวนเข้ามาไลฟ์ด้วยกันก็ได้ เมื่อเริ่มไลฟ์แล้วคนที่ติดตามเราก็จะได้รับการแจ้งเตือน และสามารถกดเข้ามาดูไลฟ์ได้เลย
Youtube
แพลตฟอร์มที่คนนิยมดูคลิปวิดีโอยาว ๆ ที่มีคุณภาพคมชัด โดยยูทูปนี้เองมีผู้ใช้งานถึง 37.3 ล้านบัญชี และเป็นผู้ชายที่มียอดใช้งานมากกว่า นอกจากนี้การไลฟ์บนยูทูปยัง Monetize ได้อีกด้วย หรือที่เรียกกันว่าการสร้างรายได้เพิ่มจากโฆษณานั่นเอง และข้อดีสำคัญอีกข้อนั่นคือการที่เราสามารถตรวจสอบ YouTube Analytics ของช่องเพื่อดูว่าวิดีโอของคุณได้รับการดูมากที่สุดเมื่อใด สิ่งนี้ช่วยให้ทราบว่าผู้ชมของเราออนไลน์เมื่อใด เพื่อวางแผนที่จะให้วิดีโอสดโพสต์บนช่องของคุณ
แต่การไลฟ์ในยูทูปนั้นมีข้อจำกัดที่ว่าต้องมีผู้ติดตามช่องจำนวน 1,000 Subscriber ขึ้นไปจึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก แต่เราก็สามารถทำคลิปเพื่อโปรโมทสินค้าเพื่อให้ผู้คนสนใจแล้วนำไปไลฟ์ขายบนแพลตฟอร์มอื่นก็ได้
แพลตฟอร์มที่ผู้ใช้สามารถส่งข้อความยาวได้ไม่เกิน 280 ตัวอักษรต่อ 1 โพสต์ ซึ่งมียอดผู้ใช้งานในประเทศ 6.5 ล้านบัญชี และเป็นช่วงอายุ 25-49 ปี ซึ่งการไลฟ์ในทวิตเตอร์ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การพูดคุยเรื่องทั่วไปมากกว่าการไลฟ์ขายของ ซึ่งจะเน้นความรวดเร็วและประเด็นที่ตัวเองสนใจ สำหรับการไลฟ์ในทวิตเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยเพื่อให้คนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้วค่อยชักชวนให้ผู้ฟังเกิดความสนใจถึงสินค้าแล้วค่อยแนะนำช่องทางการติดต่อจะเป็นการดีกว่าการไลฟ์แล้วขายเลย และสำหรับการไลฟ์ในทวิตเตอร์นั้นจะแบ่งออกเป็นการไลฟ์แบบเห็นเป็นคลิปเลยหรือไลฟ์เพียงแค่เสียงอย่างเดียวก็ได้
หลากหลายแพลตฟอร์มที่สามารถช่วยเราสร้างรายได้ด้วยการไลฟ์ แต่ถ้าเรารู้ถึงข้อดีของแต่ละแพลตฟอร์มแล้วจะขาดการเตรียมพร้อมได้อย่างไร เราขอเสนอคอร์ส
Live ทั้งที ภาพต้องดี เสียงต้องปัง
คอร์สเรียนออนไลน์ที่จะช่วยให้เรารู้ถึงการเตรียมความพร้อมไม่ว่าจะเป็นกล้อง. การใช้อุปกรณ์ รวมถึงวิธีการจัดการระบบเสียงให้ได้เสียงออกมาอย่างมีคุณภาพ
__________________________________________________________________________
ช่องทางติดตามอื่น ๆ
Facebook: https://www.facebook.com/youmooc
LINE: @youmooc (อย่าลืมใส่ @) [https://lin.ee/thXVOy0]
Shopee: YOU MOOC
Lazada: YOU MOOC