Presentation เป็นการการนำเสนองานทั้งวิธีการพูดรวมไปถึงการทำสไลด์ในการพรีเซนต์ มีส่วนช่วยให้งานของคุณประสบความสำเร็จได้ เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญพอๆ กับการเตรียมข้อมูล โดยหากคุณในฐานะผู้ที่เป็นคนนำเสนองาน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดก็ตาม ก็จำเป็นต้องเข้าใจรูปแบบของการนำเสนองานให้ได้อย่างถ่องแท้ เพื่อให้ทุกๆการนำเสนองานนั้นตรงเป้าหมายและโดนใจกลุ่มผู้ฟังให้มากที่สุด
บทความนี้ จะพามาทำความรู้จักกับประเภทของการนำเสนองาน และลักษณะวิธีการนำเสนองาน (Presentation Style) ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการทำธุรกิจทั้งการการนำเสนองานภายในองค์กร และการนำเสนองานกับลูกค้าภายนอกองค์กรที่นำไปปรับใช้กับวิธีการพูดของแต่ละคน
ประเภทของการนำเสนอ
แบ่งออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1. การนำเสนอข้อมูล (Informative )
เป็นประเภทที่นิยมใช้กันมากที่สุด กับการนำเสนอหรืออธิบายข้อมูลแบบตรงๆ โดยหลักของการนำเสนอประเภทนี้ก็คือการให้ข้อเท็จจริงและอธิบายรายละเอียด ในโครงการหรือการนำเสนอแผนงานรูปแบบต่างๆ และเราจะเห็นข้อมูลจำพวกตัวเลข สถิติ การเปรียบเทียบ ตาราง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนองานและรายละเอียดเนื้อหาที่ค่อนข้างมาก การนำเสนอประเภทนี้มีความเป็นทางการค่อนข้างสูง ไม่ได้เน้นไปทางการสร้างความสนุกสนาน โดยเราจะเห็นการนำเสนอประเภทนี้ ได้จากรูปแบบรายงานเอกสาร ป้ายประกาศภายในองค์กร รายงานการวิจัย รายงานสรุปผล สรุปความก้าวหน้าของธุรกิจ การแถลงผลประกอบการ และการทำพรีเซ็นเทชั่นก็มีเนื้อหาและจำนวนหน้าค่อนข้างมากกว่ารูปแบบอื่นๆ
2. การสอนและแนะนำ (Instructive )
เป็นการฝึกอบรม ในหัวข้อต่างๆ ที่ทางบริษัทกำหนดหรือหัวข้อที่พนักงานต้องการจะเรียนรู้เพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ที่มาพร้อมกับการพัฒนาทักษะในแต่ละแขนงให้มีมากขึ้น การนำเสนอประเภทนี้ต้องอาศัยทักษะของผู้นำเสนอค่อนข้างมาก เพราะต้องมีทั้งความรู้และทักษะด้านการถ่ายทอดค่อนข้างดีนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจและรู้สึกอยากที่จะฟังไปจนจบ ตัวอย่างการนำเสนอที่เรามักเห็นกันในการทำงาน เช่น การฝึกอบรมพนักงานในองค์กร (In-house Training) การทำเวิร์คช็อป (Workshop) การเข้าร่วมงานสัมมนา (Seminar) การเข้าอบรมคอร์สเรียนต่างๆ (Training Course) ซึ่งส่วนใหญ่ในการนำเสนอประเภทนี้มักจะมีการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นำเสนอหรือผู้สอนกับผู้ฟังมากที่สุดวิธีหนึ่ง
3. การนำเสนอแบบโน้มน้าวใจ (Persuasive )
เป้าหมายของการนำเสนองานประเภทนี้คือการทำให้ผู้ฟังคล้อยตาม ซึ่งเป็นการคล้อยตามในเชิงของการสร้างอารมณ์การมีส่วนร่วม โดยหลักของการนำเสนอเราจะเห็นการเริ่มต้นด้วยปัญหาและตบท้ายด้วยวิธีแก้ไขหรือทางออกของปัญหา เจาะเข้าไปที่แก่นกลางจิตใจของผู้ฟัง และการโน้มน้าวใจนั้นสามารถนำมาใช้ได้กับการนำเสนอในหลายๆสถานการณ์ และนำมาใช้ร่วมกับการนำเสนอในหลายๆประเภทได้เช่นกัน เช่น การนำเสนอแผนธุรกิจเพื่อขอเงินสนับสนุนจากผู้ร่วมทุน อาจนำเสนอด้วยเหตุผลที่เน้นหนักกับข้อมูลแต่สามารถผสมผสานกับการโน้มน้าวใจ ให้ผู้ร่วมทุนนั้นคล้อยตามและเห็นความเป็นไปได้ในโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และเคล็ดลับหรือเทคนิคที่สามารถนำมาใช้อธิบายให้การนำเสนอนั้นดูน่าสนใจ ก็สามารถทำเป็นภาพในรูปแบบต่างๆ เช่น อินโฟกราฟิก การแสดงด้วยกราฟให้เห็นความเติบโต ที่ไม่ได้อัดแน่นไปที่เนื้อหาเพียงอย่างเดียว
4. การนำเสนอแบบจูงใจ (Motivation )
การนำเสนอลักษณะนี้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ (Inspiration) ให้เกิดขึ้นกับผู้ฟัง โดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการสื่อสารเพื่อให้ผู้ฟังเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง และเรามักจะเห็นได้กับการนำเสนออะไรก็ตามที่เป็นเรื่องเล่า ที่สามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบเช่น เรื่องเล่าของธุรกิจที่เป็นส่วนหนึ่งใน Company Profile หรือ Company Presentation การพูดต่อหน้าคนหลายร้อยคนแบบ TED Talk และหลายๆครั้งเราก็จะเห็นลักษณะการนำเสนอแบบสร้างแรงบันดาลใจ กับการพูดในลักษณะ Life Coach ในสื่อต่างๆ โดยการนำเสนอในประเภทการจูงใจนั้นก็ต้องสร้างความเชื่อมโยงด้านอารมณ์รวมถึงสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมงานหรือผู้ฟังได้ด้วยเช่นกัน
5. การนำเสนอเพื่อการตัดสินใจ (Decision-Making )
การทำงานและการทำธุรกิจต้องเจอกับการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยซึ่งเป็นงานในหน้าที่ๆ ต้องทำประจำวัน แต่หากเป็นเรื่องของการต้องนำเสนอแผนงานเพื่อขออนุมัติงบประมาณ โดยอาจเป็นการขออนุมัติแผนงานประจำปี การขออนุมัติเพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง การขออนุมัติในการจัดซื้ออุปกรณ์การทำงานบางอย่าง ซึ่งการนำเสนอนั้นก็ต้องบอกถึงที่มาที่ไปและผลที่จะได้รับเพื่อจะได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจหรือผู้ที่ได้ฟัง โดยส่วนใหญ่การนำเสนอประเภทนี้จะพูดกันด้วยเหตุและผลเป็นส่วนใหญ่ ที่อาจต้องเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นหลัก
6. การนำเสนอความก้าวหน้าโครงการ (Progress )
การนำเสนอประเภทนี้จะเป็นการสรุปผลจากการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาดที่ทำไป ผลของการใช้จ่ายงบประมาณในการสร้างโครงการ หรือกิจกรรมต่างทั้งหมดที่ได้ทำไป โดยจะเป็นลักษณะของนำเสนอถึงสถานะในแต่ละช่วง อาจเป็นรายวัน รายเดือน ราย 3 เดือน หรือรายปี ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานแต่ละประเภท ทั้งนี้การนำเสนอความก้าวหน้าของโครงการจะช่วยให้เห็นถึงปัญหาหรืออุปสรรค ที่จำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไขให้โครงการผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ลักษณะวิธีการนำเสนองาน
การพูดและสื่อด้วยภาพ (Visual Style)
การนำเสนอด้วยภาพเป็นลักษณะการนำเสนอที่เป็นที่นิยมในช่วงหลัง ที่ให้ความสำคัญกับความสวยงามของสไลด์หรือตัว Presentation ค่อนข้างมาก โดยจุดเด่นนอกเหนือจากจะใช้ภาพอธิบายแล้ว ตัวผู้นำเสนอเองก็ต้องมีทักษะในการสร้างแรงดึงดูดให้ผู้ฟังสนใจและคล้อยตาม ซึ่งหากมองดูแล้วจะเหมาะกับคนที่พูดเก่ง เรียบเรียงประเด็นเก่ง นำเสนอเก่ง มีประสบการณ์ในการนำเสนอมานาน และส่วนใหญ่จะเป็นการพูดในที่สาธารณะที่มีคนฟังจำนวนมาก เป็นนักเล่าเรื่องราว และเป็นผู้นำเสนอวิสัยทัศน์ตามเวทีต่างๆ
การพูดแบบอิสระ (Freeform Style)
การนำเสนอหรือการบรรยายที่ไม่ใช้สไลด์หรือตัวการนำเสนอ ใดๆ เลย หรือเรียกว่าการยืนพูดคนเดียวแบบเดี่ยวๆกลางเวที ซึ่งการนำเสนอในลักษณะนี้ผู้พูดต้องมีความชำนาญมาก มีวิธีเชื่อมเรื่องราวและลำดับใจความสำคัญที่เก่ง เหมาะกับการนำเสนอที่ไม่ต้องใช้เวลาที่ยาวมากจนเกินไป โดยเราจะเห็นการพูดหรือนำเสนอลักษณะนี้กับการขึ้นพูดเปิดตัวในงานอีเว้นท์ การขึ้นพูดในงาน Networking ต่างๆ รวมถึงการพูดในเชิงปลุกใจให้กับพนักงานฟัง หรืออาจเป็นรูปแบบการเสวนาสั้นๆไม่ยาวมาก
การพูดแบบการสอน (Instructor Style)
เป็นการนำเสนอนั้นมีความสลับซับซ้อน การพูดนั้นจะมีการเปรียบเทียบหรือการใช้หลากหลายเนื้อหาเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งก็เหมือนกับอารมณ์ที่เราฟังอาจารย์สอนหรือบรรยาย และนั่นก็ต้องมีข้อมูลมาประกอบการนำเสนอด้วยเช่นกันเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้กับผู้ฟัง เราจะเห็นการพูดลักษณะนี้ได้จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีรายละเอียดมาก การอธิบายวิธีการใช้งานที่ยากจะเข้าใจ หรือในการทำวีดิโอสาธิตการใช้งานต่างๆ
หากต้องการเรียนรู้การนำเสนอ ที่เจาะลึก และการนำเสนอนั้นสามารถสร้างความประทับใจ และสร้างรายได้ให้กับคุณ YOU MOOC ขอแนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ “นำเสนออย่างไร ได้ทั้งใจ . งาน . เงิน” คอร์สเรียนที่จะสอนทักษะที่เน้นการพูดและการเจรจาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคุณ และสามารถช่วยให้การงานของคุณมีความเติบโตยิ่งขึ้น
ช่องทางติดตามอื่น ๆ
Facebook: https://www.facebook.com/youmooc
LINE: @youmooc (อย่าลืมใส่ @) [https://lin.ee/thXVOy0]