eCommerce ปี 2023 ทิศทางจะเป็นยังไง ธุรกิจจะยังไปได้ดีหรือมีแนวโน้มที่จะต่ำลง รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคหลังโควิด จะยังซื้อขายออนไลน์กันเยอะอยู่หรือไม่ YOU MOOC มีคำตอบให้ค่ะ
ในปี 2565 นี้ ธุรกิจ eCommerce เรียกได้ว่ามาแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว สืบเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ผู้คนต้องอยู่กันในบ้านมากยิ่งขึ้น วิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป ทำให้การซื้อขายของกันต่อหน้าอย่างปกติมาเป็นการซื้อขายแบบออนไลน์แทน ทำให้ธุรกิจ eCommerce, eMarketplace, Social Commerce, Food Delivery, Super App และ Large Retailer/Brand Site มียอดการเติบโตที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

เรียนรู้ธุรกิจ eCommerce ไปกับคอร์ส กลยุทธ์สร้างยอดขาย สไตล์ e-Commerce
แต่ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจและการฟื้นตัวด้านรายได้ที่ยังเปราะบาง ค่าครองชีพและราคาสินค้าบางรายการที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงวางแผนการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ทำให้คาดการณ์ได้ว่า
- มูลค่าตลาด B2C eCommerce ปี 2565 น่าจะมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง หลังจากที่เติบโตเร่งขึ้นมากด้วยอัตราเลขสองหลักในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 และภาพการเติบโตที่ชะลอตัวนี้จะยังเกิดขึ้นต่อเนื่องไปในปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวราว 4-6% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 606,000 – 618,000 ล้านบาท
- จำนวนผู้ที่เข้ามาใช้บริการ eCommerce รายใหม่ ๆ จะเริ่มชะลอตัวลง หลังจากที่มีการเข้ามาใช้บริการจำนวนมากในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการระบาดของโควิด-19 รุนแรง อีกทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยกดดันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อ ส่งผลให้มองว่าการเติบโตของธุรกิจ eCommerce น่าจะไม่ได้เกิดจากค่าใช้จ่ายในภาพรวมของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นการปรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากหน้าร้าน มาเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์
โดยเหตุผลที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเพราะ
1. สินค้ามีราคาถูกและคุ้มค่ากว่า
2. ความสะดวก ซึ่งผู้บริโภคไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
3. คุ้นเคยกับการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือมีร้านประจำที่ซื้อสินค้าออนไลน์อยู่แล้ว เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจ B2C eCommerce ในทุกหมวดสินค้า น่าจะขยับเพิ่มขึ้นจาก 8.5% ในปี 2562 (ก่อนเกิดโควิด-19) เป็น 16.0% ในปี 2566 เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดค้าปลีกสินค้ารวมทั้งหมด

eCommerce ปี 2023
- กลุ่มสินค้าจำเป็นอย่างพวกอาหารสด อาหารแห้งและเครื่องดื่ม รวมถึงของใช้ส่วนตัว ซึ่งมีสัดส่วนการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาดของ โควิด-19 ผู้บริโภคจะยังคงมีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกในระยะข้างหน้า จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในยุค New normal
- กลุ่มสินค้าแฟชั่น สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม การใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์อาจจะไม่ได้ขยับเพิ่มขึ้นเร็ว เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นรองลงมาในภาวะที่กำลังซื้อผู้บริโภคมีจำกัดและต้องเลือกใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น อีกทั้งสินค้ากลุ่มนี้ก็มีสัดส่วนมูลค่าตลาดออนไลน์ที่สูงเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น ๆ อยู่พอสมควรแล้ว
เมื่อโลก eCommerce ในวันนี้แตกแตกต่างจากโลกเมื่อปี 2563 ด้วยอัตราการเติบโตที่ลดลง ผู้บริโภคออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน จับจ่ายในโลกออฟไลน์มากกว่าที่ผ่านมา ด้วยข้อจำกัด Social Distance ที่แทบไม่เหลือให้เห็น แต่ขณะเดียวกันผู้บริโภคบางกลุ่มก็ยังชื่นชอบการจับจ่ายออนไลน์มากกว่า และการเติบโตของ eCommerce ในปีหน้ามาพร้อมกับความต้องการของผู้บริโภคที่น่าสนใจ 2 ประการ ประกอบด้วย
1. ผู้บริโภคไม่ได้ช้อปปิ้งที่แพลตฟอร์มไหนเป็นพิเศษ

แต่จะช้อปในช่องทางที่มีสะดวกสบาย หรืออยู่ในอารมณ์ที่พวกเขาผ่อนคลายเช่น ถ้าพวกเขารู้สึกมีอารมณ์อยากจะผ่อนคลายอาจจะเข้าไปดูพ่อค้าแม่ค้าไลฟ์ขายสินค้า โดยไม่ได้ตั้งใจไปซื้อสินค้า และเมื่อดูไลฟ์นานเกิดอารมณ์ร่วมและป้ายยาตัวเอง CF สินค้ากลับไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีความต้องการมาก่อน
2. Quick Commerce

ที่ขยายขอบเขตการให้บริการไปยังสินค้าอื่น ๆ ที่มากกว่า Food Delivery เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าทันที และไม่จำกัดเวลา อย่างเช่น หากเราต้องการซื้อของใช้ในบ้านโดยทันทีก็อาจจะกดเข้า Super App ที่มีฟีเจอร์ของบริการซื้อของใช้ หรือสั่งซื้อผ่าน LargeRetailer/Brand Site ที่มีบริการส่งสินค้าทันที หรือภายใน 3 ชั่วโมง ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
จากที่ดูแนวโน้มและทิศทางของปีหน้ากันไปแล้ว YOU MOOC ขอแจกแจงพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในช่วงพีคซีซันปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 ให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ
- งบประมาณของผู้บริโภคจะลดลง

เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ซื้อทั่วโลกกว่า 42% จึงวางแผนที่จะเริ่มต้นซื้อของขวัญสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ราคาจะสูงขึ้นไปอีกและหลายคนตั้งใจจะลดจำนวนเงินที่ใช้จ่ายด้วยเช่นกัน ทำให้มีการคาดว่ายอดใช้จ่ายช่วงเทศกาลช้อปปิ้งจะลดลงในปีนี้
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
- ทบทวนกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถแข่งขันได้ โดยคุณควรตรวจสอบราคาของคู่แข่ง แล้วพิจารณาว่าคุณจะสามารถเสนอราคาที่ใกล้เคียงกัน หรือถูกกว่านั้นได้หรือไม่
- คุณมีสต็อกสินค้าส่วนเกินตกค้างอยู่ในโกดังบางแห่งหรือไม่ ตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมในการนำเสนอส่วนลดพิเศษเพื่อระบายสต็อกสินค้าของคุณ
- เสนอตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลายและยืดหยุ่น รวมถึงบริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ที่จุดชำระเงิน เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการ
- อย่าลืมเสนอบริการจัดส่งฟรี ซึ่งนับเป็นสิ่งจูงใจที่สำคัญเสมอสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะช่วงเวลานี้
- “ความคุ้มค่า” คือสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุด

รายงานแนวโน้มการใช้จ่ายประจำปี 2565 ของ eBay ระบุว่า ผู้บริโภค 60% เห็นว่าความคุ้มค่า คุ้มราคา เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการช้อปปิ้งช่วงคริสต์มาสปีนี้
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
- ลูกค้าจะใช้เวลานานขึ้นในการพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ คุณอาจกระตุ้นการจับจ่ายของพวกเขา เช่น แนะนำของขวัญที่น่าสนใจ แต่ไม่ควรเร่งรัดมากจนเกินไป
- เน้นย้ำเรื่องคุณภาพและจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังได้รับสิ่งพิเศษ
- ผู้ซื้อจะใช้เวลามากขึ้นในมาร์เก็ตเพลสอย่างเช่น Amazon ที่ซึ่งพวกเขาสามารถเปรียบเทียบราคาได้อย่างง่ายดาย
- นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์ที่รวมสินค้าหลายรายการในราคาที่ถูกลง ซึ่งจะดึงดูดผู้ซื้อที่มองหาความคุ้มค่า และขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้คุณเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น
- Green Shopping คือเทรนด์ที่มาแรง

ในปีนี้ ประเด็นเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) มีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดย 83% ของผู้ซื้อจะมองหาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ ขณะที่ 42% จะยอมจ่ายมากขึ้นสำหรับบริการจัดส่งที่ยั่งยืน[3]
สิ่งที่ธุรกิจของคุณควรรับมือ
- แจ้งเป้าหมายและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของแบรนด์คุณในทุกช่องทางการสื่อสาร และบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
- คำนึงถึงเรื่องบรรจุภัณฑ์ ถ้าหากออเดอร์ชิ้นเล็กๆ ถูกห่อหุ้มด้วยบรรจุภัณฑ์ที่มากเกินความจำเป็น ลูกค้าจะรู้สึกไม่ประทับใจ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ลูกค้าอาจนำเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย!
- ปรับใช้นโยบายการชดเชยคาร์บอน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสนำเสนอทางเลือกในการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้บริการ GoGreen ซึ่งจะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนในการขนส่งด้วยการลงทุนในโครงการ Climate Protection ที่จัดทำทั่วโลก รวมถึงการปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้นต่อปี
แม้แนวโน้มด้านธุรกิจ eCommerce ปี 66 จะถดถอยลง แต่พฤติกรรมผู้บริโภคก็ไม่ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด ยังมีผู้ที่ชื่นชอบการซื้อขายออนไลน์มากกว่าซื้อจากหน้าร้าน ดังนั้นการขายออนไลน์จะถดถอยแต่ไม่ได้หายไปเลยซะทีเดียว สิ่งสำคัญของผู้ประกอบการคือต้องมีโปรโมชัน หรือส่วนที่ช่วยดึงดูดการขายออนไลน์ของคุณให้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์สด หรือการ Tie-in สินค้าผ่าน KOL/Influencer ก็เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
เรียนรู้เรื่องการไลฟ์สดได้ที่คอร์ส: Live ทั้งทีภาพต้องดี เสียงต้องปัง
รู้จักการ Tie-in ผ่าน KOL/Influencer ให้มากขึ้นที่คอร์ส: TIE-IN สินค้าอย่างไร ให้ปัง!
__________________________________________________________________________
ช่องทางติดตามอื่น ๆ
Facebook: https://www.facebook.com/youmooc
LINE: @youmooc (อย่าลืมใส่ @) [https://lin.ee/thXVOy0]