เทรนด์สีปี 2023 เป็นเรื่องใกล้ตัวหนึ่งในหัวข้อรายงานเจาะเทรนด์โลก 2023 คือ “เทรนด์สีประจำปี 2023”(Color Trend) สะท้อนบรรยากาศของโลกและผู้คนที่เสมือนกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และปรับตัวหลังจากอยู่ภายใต้ข้อจำกัดและความไม่แน่นอนมาเป็นเวลาหลายปี 2023 จะเป็นกลุ่มเฉดสีเข้มและมีความอิ่มตัวสูง เพื่อสอดคล้องกับการสร้างพลังแห่งความหวังจนเกิดรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะด้านสื่อดิจิทัลที่จะส่งผลถึงการขยายบทบาทของโลกเสมือนจริง เทรนด์สีเหล่านี้มาจากการวิเคราะห์ของสำนักเทรนด์สีต่าง ๆ และได้ถอดรหัสสีมาเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่:บุคลิกเรียกทรัพย์ สำหรับคนอยากเป็น KOL
เทรนด์สีแห่งปี 2023 ประกอบด้วย 7 สีดังนี้
1. Elfin Yellow: สีเหลืองอ่อน
การออกแบบภายใต้แนวคิด Minimalism ยังคงถูกจัดให้เป็นเทรนด์ระยะยาว ควบคู่กับการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ดังนั้นแนวคิดเน้นน้อยๆ ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่เบื่อตามกระแส และต้องการเลือกใช้สินค้าที่ให้ความสบายใจมากกว่าสีสันที่ฉูดฉาด ทำให้หมวดหมู่สีมินิมัลอย่าง Elfin Yellow เป็นเทรนด์ระยะยาว (Long-term Color) ที่ใช้ได้นาน และสีเฉดนี้มักถูกนำไปใช้เป็นสีพื้น เพื่อจับคู่กับสีอื่นมากกว่าสีขาว เนื่องจากให้อารมณ์ความรู้สึกอ่อนโยน อบอุ่น สบายตา ออร์แกนิก และเผยความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมได้ดี นอกจากนี้สีเหลือโทน Elfin Yellow ถูกจัดเป็นหนึ่งในสีที่บ่งบอกถึงทัศนคติของความมุ่งมั่นไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
การรีเซ็ตและสร้างสิ่งใหม่หลังสงคราม หรือหลังสถานการณ์ที่วุ่นวาย เช่น การระบาดของ COVID-19 รวมทั้งวัสดุบางประเภทเมื่อนำไปรีไซเคิลจะได้เฉดสีเหลืองอ่อนคล้ายกับเฉดสีเหลือง Elfin Yellow เฉดนี้จึงกลายเป็นสีตัวแทนสำหรับงานออกแบบที่ถูกรีไซเคิลใหม่ และเหมาะแก่การนำไปรีไซเคิลได้หลายครั้ง รหัสสีคือ 11-0620 TCX เป็นสีที่เหล่าสำนักเทรนด์คาดการณ์ไว้เสมอว่าจะมี เป็นสีที่ไม่ได้อยู่ในกระแสของสีหลัก แต่ไม่เคยห่างหายไปจากวงการออกแบบเลย ซึ่งสีเหลืองอ่อนนี้ นอกจากนี้ยังมีสำนักเทรนด์ฝั่งจีนบอกว่าเฉดสีนี้เป็นหนึ่งในสีที่สื่อถึงจิตวิญญาณด้านสุนทรียภาพและความผูกพัน สีเหลืองอ่อนนี้สามารถนำไปใช้ได้แทบจะทุกอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ ให้ความเรียบง่ายไม่ว่าจะอยู่ในสิ่งของหรือเสื้อผ้า
ขอบคุณภาพจาก Digimusketeers
2. Golden Apricot: สีส้มแอปริคอต
เฉดสีนี้ รหัสสีคือ 14-1041 TCX สะท้อนอารมณ์ความสุข และเชื่อมโยงการโหยหาอดีต เนื่องจากปี 2023 เป็นปีที่คนรุ่นใหม่จะก้าวข้ามอุปสรรคความคิดสร้างสรรค์จากอดีต โดยเฉพาะนวัตกรรมยุค ‘80s หรือแฟชั่นสไตล์เรโทรที่เข้ามาผสานกับความทันสมัยในยุคดิจิทัล ทิม ไวลด์ชูต (Tim Wildschut) ศาสตรจารย์ด้านจิตวิทยาสังคมและบุคลิกภาพ เผยว่า อาการ Nostalgia เกิดจากจิตวิทยาแนวเฮโดนิสม์ (Hedonism) หลงใหลชีวิตที่มีแต่ความสุข และพยายามสร้างจิตวิทยาการใช้ชีวิตที่หลีกเลี่ยงความไม่สบายใจซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงเป็นที่มาของการปลดล็อกเพื่อมองหาความสุขในปี 2023
ด้วยสีเหลืองทองอมส้ม หรือสีส้มเอิร์ธโทน เฉด Golden Apricot ที่เคยเป็นที่นิยมมากในยุค ’80 สำนักเทรนด์ WGSN กล่าวว่า เฉดสี Golden Apricot จะทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตัว สดชื่น และโรแมนติกแนวใหม่ (New Romantic) ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น และสนุกสนานในเวลาเดียวกัน จึงถูกใช้เป็นเฉดสีในเครื่องสำอาง เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและความมั่นใจ หรือตกแต่งผนังห้อง ช่วยสร้างความรู้สึกไม่น่าเบื่อ นอกจากนี้ สำนักเทรนด์แฟชั่น คาดการณ์ว่าช่วงฤดูร้อนปี 2023 จะเต็มไปด้วยแฟชั่น Summer Nostalgia เฉดส้มเอิร์ธโทน, แฟชั่นสไตล์ฮิปปี้ ที่ทำให้เด็กและวัยรุ่นเติบโตด้วยความสนุก อิสระ และมองโลกในแง่บวกมากขึ้น
ลวยลายที่ไม่ประณีตอย่างลายมัดย้อม หรือลายกราฟิก รวมทั้งเฉดสีนี้ยังถูกใช้ในงานออกแบบที่ผสมผสานระหว่างงานคราฟต์ท้องถิ่น ความโรแมนติกยุคเรโทร และการถักทอสไตล์ฮิปปี้ ยุคนี้ผู้คนมักหันไปย้อนระลึกถึงวันวานมากขึ้น ความสุขที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองในอดีต และในปี 2023 จะเป็นปีที่คนก็ยังคงชอบหวนคืนอดีตเพื่อหนีความวุ่นวายที่เจอ ความนิยมสไตล์ย้อนยุคไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของตกแต่งหรือของสะสมมันจะกลับมาอีก มีการคาดการณ์จากสำนักเทรนด์ F-Trend บอกว่าจะมีหลายแบรนด์เสื้อผ้านำเอาเฉดสีนี้ไปใช้ในคอลเลกชันฤดูร้อน ต้อนรับแสงแดดอุ่น ๆ สร้างความรู้สึกหวนคิดถึงความงามในอดีต สามารถนำมาใช้ได้ทั้งแบรนด์เสื้อผ้าผู้ใหญ่และเด็ก มันยังถูกนำไปใช้เป็นหนึ่งเฉดสีในเครื่องสำอางเพิ่มความโดดเด่นและเสริมความมั่นใจ นอกจากนี้ยังเอาใช้เป็นสีแต่งผนังห้องอีกด้วย
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่:บุคลิกเรียกทรัพย์ สำหรับคนอยากเป็น KOL
ขอบคุณภาพจาก Digimusketeers
3. Lime Green: สีเขียวมะนาว
ที่ผ่านมาสีเขียวนีออน เป็นเทรนด์เฉดสีเปล่งประกายในวงการนักออกแบบ โดยเฉพาะครีเอเตอร์ดิจิทัลที่สร้างสรรค์ผลงาน ขณะในปี 2023 เพื่อให้สีเขียวนีออนสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น นักออกแบบสื่อดิจิทัลมองหาสีต้นทางก่อนที่จะชุบตัวเป็นสีเรืองแสง จนได้ผลลัพธ์คือ สีเขียวมะนาว (Lime Green) รหัสสีคือ 14-0452 TCX ที่ลดทอนความเจิดจ้าลงมาหน่อย เพื่อทำให้ทุกคนสามารถใช้ได้
เฉดสีเขียวมะนาว เป็นสีที่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อม และสุนทรียภาพบนโลกดิจิทัลของ Generation Z จึงได้ปรับความสดชื่นที่ดูสนุกด้วยสีเขียวมะนาวให้มีความสดใส และสีเขียวแอปเปิ้ลมิ้นท์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสีพาสเทล ที่ให้ความอ่อนโยน และเป็นตัวแทนของการมองโลกในแง่ดี นอกจากนี้สีเขียวมะนาว ยังเคยเป็นสีที่ถูกใช้ในงานศิลปะกราฟิตี้ยุค 90 เป็นสีที่สร้างความสดใส และขบถภายใต้ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต ที่ทั่วโลกวันนี้กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้ง นี่จึงทำให้สีเขียวมะนาว ถูกนำกลับมาใช้ในฐานะสีที่ทำให้ผู้คนเปิดใจ และกระตุ้นให้รู้สึกมีชีวิตชีวา สีเขียวมะนาว เป็นสีที่นักออกแบบมักนิยมหยิบมาใช้อยู่ตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะนักออกแบบวงการดิจิทัลและยังถูกจัดเป็นเทรนด์สียอดนิยมอยู่ตลอด ซึ่งสี Lime Green
ขอบคุณภาพจาก Digimusketeers
4. Deep Lake: สีเขียวอมฟ้า
หลายปีที่ผ่านมา สีเขียวถูกใช้เป็นหนึ่งในสีสำหรับขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เริ่มจากด้านสิ่งแวดล้อม ขยายมายังสัญลักษณ์แสดงออกถึงสิทธิมนุษยชน สิทธิในการอยู่ร่วมกันระหว่าง Generation รวมถึงการขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศ ปี 2023 สีเขียวเฉด Deep Lake หรือสีเขียวอมฟ้า รหัสสีคือ 18-4834 TCX ซึ่งผสานเฉดสีน้ำตาล ตัวแทนของสีเอิร์ธโทนเข้าไป ทำให้สีโทนนี้เข้ากับคนทุกเพศ และใช้งานได้ในทุกกิจกรรม สื่อสารถึงพลัง ความแข็งแกร่ง และการไม่ยอมแพ้ จึงมักถูกนำไปใช้ในการออกแบบเสื้อผ้านักกีฬา
สำนักเทรนด์ WGSN ยกให้สีเขียวเฉดนี้เป็นพลังจากธรรมชาติ และน้ำทะเลที่อยู่ระหว่างสีน้ำเงินกับสีเขียว และยังเป็นเม็ดสีที่เกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของโลหะทองแดง จึงตั้งชื่อเฉดสีนี้ว่า Verdigris ซึ่งหมายถึงสนิมสีเขียว ที่สามารถเปล่งประกายแม้จะถูกออกซิเดชันตามกาลเวลาก็ตาม สอดคล้องกับแนวคิดของ Activist ที่ตีความถึงผู้นำเยาวชนที่ไม่ยอมแพ้ เพื่อความก้าวหน้าของสังคม ขณะที่ บริษัท Italian Bank บอกว่า สีเขียวเฉด Deep Lake จัดเป็นสีเขียวประเภท Monochromatic ที่ให้ความรู้สึกปลอบประโลม แสดงถึงความหวัง การฟื้นฟู และการเปิดใจ จึงเหมาะที่จะนำไปใช้เพื่อออกแบบพื้นที่ของบ้าน สำนักงาน และเฟอร์นิเจอร์ โดยนำแนวคิดไบโอฟิเลีย (Biophillia) ที่เน้นเรื่องธรรมชาติบำบัดมาปรับใช้ เพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา ทั้งยังดูมีความลึกลับ และหรูหราได้ในเฉดเดียว ซึ่งแต่เดิมย้อนไปในช่วงยุค 1980
สีเฉดนี้เคยเป็นตัวแทนของความกล้าในเหล่านักกีฬา เลยมักจะถูกนำไปใช้กับแบรนด์เกี่ยวกับกีฬา เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นเม็ดสีที่เกิดจากการถูกกัดกร่อนของโลหะทองแดง ที่ตีความถึงผู้นำเยาวชนที่ไม่ยอมแพ้เพื่อความก้าวหน้าของสังคม บางสำนักเทรนด์ก็บอกว่าสีนี้คือสีของธรรมชาติยุคใหม่ ในขณะเดียวกันก็ถูกยกให้เป็นสีที่สร้างความรู้สึกปลอบประโลม แสดงถึงความหวัง การฟื้นฟูและการเปิดใจ เหมาะกับแบรนด์ออกแบบบ้าน สำนักงานหรือเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน โดยมีการนำเอาแนวคิดไบโอฟิลเลียที่เน้นถึงธรรมชาติบำบัดมาปรับใช้เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายท่ามกลางความจริงจัง และยังให้ความรู้สึกหรูหราได้ด้วย
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่:บุคลิกเรียกทรัพย์ สำหรับคนอยากเป็น KOL
ขอบคุณภาพจาก Digimusketeers
5. Scarlet Sage: สีแดงก่ำ
สีแดงก่ำเฉด Scarlet Sage รหัสสีคือ 19-1559 TCX พัฒนามาจากกลุ่มสี Artisanal Red ในปี 2022 โดยคาดว่าเฉด Scarlet Sage จะเป็นเฉดสีหลักในฤดูร้อนปี 2023 ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ปรารถนาการกระตุ้นอารมณ์ด้วยสีสัน การเติมพลัง และความหลงใหล นอกจากนี้กลุ่มสีแดง ยังเป็นสีที่ถูกใช้เชื่อมโยงกับมรดกทางความคิด และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และยังเป็นตัวกลางที่ใช้ในการสื่อสารทั้งการออกแบบภายนอก-ภายในอาคาร เพื่อสร้างแรงดึงดูด และโครงสร้างเฉพาะตัวไม่ต่างจากงานศิลปะ ซึ่งเฉดสีนี้คาดว่าจะได้รับความนิยมในภูมิภาคละตินอเมริกา
สีแดงก่ำ เป็นสีที่สื่อถึงความปรารถนา ปลุกกระตุ้นอารมณ์ เป็นการเติมพลังและรู้สึกถึงความน่าหลงใหล ซึ่งแดงก่ำนี้ยังนิยมเอาไปใช้เป็นตัวกลางในการสื่อสารทั้งการออกแบบทั้งภายในและภายนอกของอาคาร เพื่อสร้างแรงดึงดูดและบ่งบอกถึงความเป็นโดดเด่น เป็นโครงสร้างเฉพาะตัวไม่ต่างไปจากงานศิลปะชิ้นหนึ่งเพราะตัวด้วยสีเองที่เข้มและสดทำให้มันดูมีความโดดเด่นมาก ๆ ใช้ดึงความสนใจได้ง่าย ยิ่งเมื่อตอนอยู่ร่วมกับสีอื่นก็ยิ่งทำให้สีดูโดดขึ้นมายิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพจาก Digimusketeers
6. Phlox: สีม่วงเข้ม
สีม่วงมีบทบาทสำคัญในเทรนด์อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 – 3 ปีมานี้ สำหรับ สีม่วงเฉด Phlox รหัสสีคือ 19-2820 TCX ถูกนิยามใหม่ด้วยแนวคิดดิจิทัล ข้อมูลจากสำนักเทรนด์ NellyRodi ระบุความเชื่อมโยงของกลุ่มสีม่วง Phlox กับโลก Metaverse หรือโลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นแบบเหนือจริงแบบ 100% ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางใหม่ของการปฏิสัมพันธ์ เครือข่ายทางการค้า และรูปแบบงานช่างฝีมือดิจิทัล ซึ่งปราศจากวัสดุจริง พร้อมแนวคิดในการเป็นเจ้าของ เช่น NFT Collection ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สีม่วงนั้นอยู่ในเทรนด์สีอยู่เสมอ และอาจกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางเครือข่ายกับสินค้าและงานช่างฝีมือดิจิทัลที่ปราศจากวัสดุจริง หลายคนคงอาจจะเคยเห็นสีนี้อยู่บ่อย ๆ ใน Event โชว์งานศิลปะแนวดิจิทัล หรือที่เรียกกันว่าศิลปะแนวใหม่
ขอบคุณภาพจาก Digimusketeers
7. Moonless Night: สีดำเทา
สีดำจัดอยู่ในกลุ่มสีคลาสสิกที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอเรียกว่าเป็นสีที่อยู่ในเทรนด์สีและถูกเอามาใช้ทุกยุคทุกสมัย และมักเป็นตัวแทนของความลึกลับ ความเย้ายวน ความหรูหรา และให้ความรู้สึกชัดเจน ตรงไปตรงมาสีดำเฉด Moonless Night รหัสสีคือ 19-4203 TCX ในช่วงปี 2023 สื่อสารถึงพลังและความชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าท่ามกลางปัญหา โดยเฉดสีนี้มักถูกนำไปใช้ในแคมเปญเพื่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น แคมเปญเชิงสังคม แคมเปญด้านสิทธิความเท่าเทียม แคมเปญด้านสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในคำอธิบายจาก NellyRodi กล่าวว่า 86% ของผู้บริโภคให้ความเห็นว่าซีอีโอจำเป็นต้องสื่อสารอย่างชัดเจน ระดมกำลัง และดำเนินการในประเด็นพื้นฐานทางสังคม สอดคล้องกับ 9 ใน 10 ของผู้บริโภค Gen Z นี้สื่อถึงความชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมที่สอดรับกับยุคแห่งการเยียวยาฟื้นฟู และความต้องการให้แบรนด์หันมาให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะมันสามารถช่วยยกระดับของบุคคลที่มีอำนาจทางการเมือง ไปสู่แบรนด์ทางการเมืองที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น และยังบอกถึงการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของแบรนด์อีกด้วย มีสำนักเทรนด์ได้คาดการณ์แนวโน้มของธุรกิจด้านนวัตกรรมสิ่งทอ บอกไว้ว่าในปี 2023 สิ่งทอที่ผสมผสานระหว่างสีดำและสีขาวจะถูกมองว่าสื่อถึงความยั่งยืน และยังมีอีกหลายแบรนด์ที่ใช้เฉดสีนี้ทำแคมเปญด้าน LGBTQ+ ด้วย
สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่:บุคลิกเรียกทรัพย์ สำหรับคนอยากเป็น KOL
ขอบคุณภาพจาก Digimusketeers
ช่องทางติดตามอื่น ๆ
Facebook: https://www.facebook.com/youmooc
LINE: @youmooc (อย่าลืมใส่ @) [https://lin.ee/thXVOy0]