สำหรับใครที่ชื่นชอบเมล็ดกาแฟที่มาจากธรรมชาติ ตอนนี้ต้อง “กาแฟสาละวะไล่โว่” แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ Local น้องใหม่ที่ให้ความสำคัญในการคั่วเมล็ด มีทั้งระดับ คั่วกลางเข้มและคั่วเข้ม อย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องที่มีมาตรฐานและการควบคุมอุณหภูมิอย่างดี เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มรสกาแฟหอมๆ และรู้สึกสดชื่นเมื่อได้กลิ่นหอมของกาแฟโรบัสต้า
สาละวะไล่โว่…กาแฟรักษ์ป่า เป็นกาแฟที่ผลิตจากใจของคนในชุมชนบ้านไล่โว่ เพื่อส่งมอบกาแฟที่มีคุณภาพดีที่สุดให้กับผู้บริโภค กาแฟสายพันธ์ที่ดี 100% ผลิตผลจากธรรมชาติในชุมชนสาละวะไล่โว่ กาญจนบุรี และทางสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดกาญจนบุรี ได้เข้าไปร่วมผลิตและจัดจำหน่าย พร้อมส่งทั่วไทย ถึงหน้าบ้าน ยิ่งช่วงนี้ Work From Home ดื่มกาแฟอยู่กับบ้านลิ้มรสขมเข้ม ของเมล็ดกาแฟ ตามด้วยความหวานติดลิ้นในตอนท้าย สดชื่นยามเช้าสุดๆ
โดย คุณเปิ้ลณปภัชพิณเทพประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดกาญจนบุรีและภาคกลางตอนล่าง1 เจ้าของแบรนด์กาแฟสาละวะไล่โว่ เมล็ดกาแฟจากธรรมชาติ ได้เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ บอกเลยว่าคนชอบกินกาแฟต้องได้ลองกาแฟคุณภาพแบบนี้จริงๆ สงสัยกันใช่มั้ยว่ามันดียังไง ทำไมต้องซื้อ คุณเปิ้ลได้ให้คำตอบไว้ครบหมดเปลือกเลย ไม่รอช้า เราไปดูกันเลยดีกว่า
สำหรับที่มาของชื่อ “กาแฟสาละวะไล่โว่” คุณเปิ้ลได้เล่าว่า “เราตั้งชื่อตามชื่อชุมชนที่ผลิตกาแฟชนิดนี้จริงๆเพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่าแหล่งที่ปลูกมันคือหมู่บ้านไล่โว่และหมู่บ้านสาละวะที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี“สาละวะไล่โว่…กาแฟรักษ์ป่า” เป็นผลิตผลจากธรรมชาติที่เกิดจากคนในชุมชนบ้านสาละวะได้ปลูกต้นกาแฟโรบัสต้ารายล้อมรั้วบ้าน ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทั้งดินที่อุดมสมบูรณ์ ปลอดภัยจากสารเคมี ความสูงจากระดับน้ำทะเล และ อากาศที่เย็นชื้น ทำให้ผลิตผลของกาแฟโรบัสต้านี้มีความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และมีกลิ่นหอมอย่างมาก”
โดย คุณเปิ้ล ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้ว่า “เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่ดื่มกาแฟทุกเช้า เป็นคนชอบดื่มกาแฟมากๆ อยู่แล้ว เราเลยอยากดื่มกาแฟดีๆ ที่มีคุณภาพ เหมือนกับเมล็ดกาแฟนำเข้า และพอเรารู้มาว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีผลผลิตกาแฟโรบัสต้า ที่อยู่ในหมู่บ้านไล่โว่และหมู่บ้านสาละวะ ที่อำเภอสังขละบุรี ซึ่งโครงการนี้ทางส่วนราชการของจังหวัดกาญจนบุรี ได้เข้าไปพัฒนากลุ่มเกษตรกรเพื่อสร้างอาชีพให้กับชาวบ้าน และทางสำนักงานพาณิชย์ได้มาพูดคุยถึงเรื่องการหาช่องทางการตลาดเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งเกิดโรคระบาดโควิด-19 ใหม่ๆ ทำให้เราอยากช่วยชาวบ้านสร้างรายได้ให้กับตัวเอง จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราก็เกิดแรงบันดาลใจที่อยากทำเรื่องกาแฟที่ดีต่อผู้บริโภค และอยากพัฒนากาแฟพันธุ์ไทยที่เรามีอยู่ให้เป็นกาแฟคุณภาพดี และเป็นของดีของจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ชาวบ้านได้รายได้จากการขายสินค้า และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่”
“บอกตรงๆ ว่ากาแฟสาละวะไล่โว่ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟจริงๆ มันเป็นเสน่ห์ของชุมชนนี้จากการที่เราสัมผัสด้วยตัวเอง ส่วนวิธีการเก็บเมล็ด และกระบวนการผลิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การตาก หรือการคัด พวกเขานั่งทำกันด้วยใจ เพื่ออยากไปส่งมอบให้คนที่เขารับซื้อด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด และเนื่องด้วยมันเป็น กาแฟโรบัสต้า อย่างที่หลายคนบอกว่า รสชาติมันจะฝาด ขม เปรี้ยว ซึ่งตอนแรกที่ยังไม่เคยได้ลองชิม เราก็ตีภาพมันไปแล้วเช่นกัน แต่พอมาลองชิมดูแบบที่ชาวบ้านคั่วเอง และนำมาบดดื่มกัน มันหอมมากและไม่ได้มีรสฝาดหรือเปรี้ยวอะไรเลย กลายเป็นว่าเป็นรสเข้มแบบที่เราชอบอีกด้วย เลยคิดว่าถ้าเราเอามาคั่วด้วยเครื่อง เดี๋ยวนี้มีเครื่องคั่วหลายรูปแบบ และวิธีการคั่วที่ควบคุมอุณหภูมิ และวิธีการใหม่ๆ ในการคั่ว โดยเอาเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยจากภูมิปัญญาชาวบ้านมาผสมผสานกันด้วย และยังโอกาสได้ให้นักคั่วโรบัสต้า รวมถึงกูรูด้านกาแฟ มาลองทำกระบวนการคั่วแบบสนุกๆ กัน กลายเป็นว่าได้กาแฟออกมาถูกปาก ถูกคอ สำหรับคนดื่มกาแฟ ก็เลยเกิดเป็นกาแฟผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา เพื่ออยากส่งมอบความสุขของคนดื่มกาแฟอย่างพวกเราให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ได้ลิ้มลองกัน และหันมาส่งเสริมกาแฟพันธุ์ไทยบ้านเรา”
ซึ่งถ้าพูดถึงธุรกิจการขายกาแฟหรือขายเมล็ดกาแฟในปัจจุบันนี้ บอกเลยว่าคู่แข่งเยอะสุดๆ หากใครคิดทำธุรกิจนี้ ต้องหาความแตกต่างหรือสร้างจุดเด่นของตัวเองให้ได้ ซึ่งความพิเศษของกาแฟหรือจุดเด่นของ กาแฟสาละวะไล่โว่ก็คือ ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมล็ดกาแฟในพื้นที่ที่ปลูก เพราะเรื่องของแหล่งที่ปลูกนั้นมีความสำคัญต่อเมล็ดกาแฟอย่างมาก โดยเฉพาะแร่ธาตุในดิน และความอุดมสมบูรณ์ของดิน น้ำ อากาศ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมทางกายภาพของการปลูกใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในผืนป่าลึกตะวันตก ทุ่งใหญ่ จึงได้คุณภาพของกาแฟดีที่มีความเข้มข้นกาแฟ รวมถึงมีกลิ่นผลไม้ไทยอย่างกลิ่นขนุน ในเวลาที่คั่ว โดยกลิ่นจะขึ้นอยู่กับต้นกาแฟที่ชาวบ้านปลูกว่าอยู่ใกล้ต้นผลไม้อะไร
กาแฟโรบัสต้าของสาละวะไล่โว่จะมีลักษณะคล้ายกับกาแฟจากแอฟริกาที่เป็นที่นิยมสำหรับคนที่นิยม Speciality Coffee กาแฟคุณภาพสูง ด้วยเหตุนี้เมล็ดกาแฟสาละวะไล่โว่จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากกาแฟทั่วไป ซึ่งในต่างประเทศจะมีกลิ่นแอปเปิ้ล มะนาว แอปริคอต แต่จะไม่มีกลิ่นขนุนเหมือนบ้านเรา
สามารถพูดได้เลยว่า กาแฟสาละวะไล่โว่เป็นกาแฟโรบัสต้าที่ดีที่สุดในประเทศเราเลยก็ว่าได้
สุดท้ายนี้ คุณเปิ้ลยังได้แอบบอกเคล็ดลับการทำกาแฟไว้ให้อีกด้วย สำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟ Drip ก็สามารถลองทำตามกันได้ง่ายๆ ที่บ้าน ดังนี้ วิธีการ Drip จะ Blend ใหม่ทุกครั้งจะไม่ได้ Blend เมล็ดทิ้งไว้อัตราส่วน 1:10 จะได้รสชาติที่เข้มข้น ไม่ฝาด ไม่มีรสเปรี้ยว และตัว Body ไม่หนักจนเกินไป
สำหรับใครที่อ่านแล้วรู้สึกมีไฟ อยากจะเริ่มทำธุรกิจอะไรสักอย่างบ้าง อีกไม่นาน YOU MOOC จะมีคอร์สใหม่ที่จะมาสอนการทำธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นแบบครบหมดไม่มีคาด ยังไงก็อดใจรอกันอีกนิด ติดตามข่าวสารคอร์สเรียนใหม่ๆ ได้ที่
________________________________________________________________________________________________
สามารถติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่
👉 Facebook: YOU MOOC
👉 LINE: @youmooc (อย่าลืมใส่ @) [https://lin.ee/thXVOy0]
________________________________________________________________________________________________
ข้อมูลจาก : สำนักข่าวโตโจ้นิวส์